สวัสดิการยุคนี้ ต้องดีแค่ไหนถึงตอบโจทย์
ใน 1 วันมี 24 ชั่วโมง และเราใช้เวลาในการทำงานไปแล้ว 8 ชั่วโมง และถ้าคิดว่าตามหลักการคนเราควรนอนหลับพักผ่อนให้ได้วันละ 8 ชั่วโมงต่อวัน นั่นเท่ากับว่า โลกการทำงานคือเวลาครึ่งหนึ่งของตอนตื่นไปแล้ว มนุษย์จึงมองหาความสุขในการทำงาน โดยคำนึงถึงองค์ประกอบอื่นอีกที่ไม่ใช่แค่เนื้องาน แต่คือความสามารถในการมีไลฟ์สไตล์ที่อยากจะเป็นได้ ผ่านการสนับสนุนที่เหมาะสมเทียบเท่ากับคุณภาพของงานที่เราทำให้กับองค์กร ทั้งเรื่องของสวัสดิการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของแต่ละคนที่แตกต่างกัน รวมทั้งเงินเดือนที่สมเหตุสมผล
ในแง่มิติไลฟ์สไตล์ของคนทำงาน เราจึงได้ศึกษาเรื่องสวัสดิการที่องค์กรมอบให้กับพนักงาน และพบว่า ในปี 2023 มีสวัสดิการที่หลากหลายและสนับสนุนการใช้ชีวิตของพนักงานในที่เฉพาะเจาะจงและเข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น บางองค์กรมีสวัสดิการที่อนุญาตให้พนักงานที่เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ ได้ลาพักฟื้นแยกส่วนออกมาจากการลาป่วยปกติ หรือการอ้าแขนรับรูปแบบการทำงานที่คล่องตัวมากยิ่งขึ้น อย่างการทำงานที่ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ บางองค์กรอนุญาตถึงขั้นให้พนักงานสามารถทำงานจากมุมไหนของโลกก็ได้ แล้วเสียงจากคนทำงานมองว่าสวัสดิการแบบไหนบ้างที่ตรงใจกับโจทย์การใช้ชีวิตและช่วยให้การทำงานดีขึ้น
ผลสำรวจในกลุ่มคนทำงานยกให้ 3 สวัสดิการนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตในการทำงานดีขึ้นจริง ทั้งเหตุผลว่าด้วยเป็นสวัสดิการที่เข้าใจรูปแบบการใช้ชีวิตของคนทำงานจริงและเป็นสวัสดิการที่มีโอกาสได้ใช้จริง โดยทั้ง 3 อันดับที่ว่ามา นั่นคือ
อันดับ 1 สวัสดิการที่สำคัญที่สุดคือประกันสุขภาพ ส่วนใหญ่คนทำงานเห็นว่าร่างกายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ต้องดูแลอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต่างจากการตรวจเช็คเครื่องยนต์ เพียงแต่ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์มักไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย และอาจกระทบกับรายได้หลัก การเสนอแพคเกจประกันสุขภาพจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยรองรับค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ หากไม่มีประกันสุขภาพเป็นปัจจัยสนับสนุนนี้ พนักงานอาจลังเลที่จะพบแพทย์เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่อาจมีผลกระทบต่อรายได้ นอกจากนี้ สุขภาพที่ไม่ดีอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานด้วย
อันดับ 2 สวัสดิการประกันชีวิตและอุบัติเหตุ ต่อเนื่องมาจากสวัสดิการอันดับ 1 การมีสวัสดิการอย่างประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุให้กับพนักงานในองค์กร เป็นหนึ่งในการรับประกันความมั่นใจให้กับพนักงานและครอบครัวไม่มากก็น้อย เพราะทั้งสองเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่ป้องกันได้ แต่เกิดได้ขึ้นอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน แม้ว่าจะเป็นข้อมูลตั้งแต่ปี 2016 ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากการทำงานหนักถึง 745,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากปี 2000 ถึง 29 % ลองคิดดูสิว่าภายใต้ความกดดันของการทำงานที่เกี่ยวเนื่องจากประเด็นเศรษฐกิจที่ระอุขึ้นทั่วโลก จำนวนของคนทำงานที่ต้องทำงานหนักในปัจจุบันจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน นี่จึงเป็นสาเหตุที่การมีประกันชีวิตของพนักงานจึงเป็นสวัสดิการที่คนทำงานในไทย ต่างให้ความสำคัญเป็นอันดับ 2

อันดับ 3 สวัสดิการโบนัสและเงินพิเศษตามโอกาสต่างๆ ต่อให้เงินเดือนสูงแค่ไหนก็ตาม การมีโบนัสพิเศษให้กับพนักงานที่ตั้งใจทำงาน ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับองค์กร นั่นคือรางวัลตอบแทนที่ช่วยให้พนักงานมีกำลังใจในการทำงานต่อไป และทำให้พนักงานรู้สึกว่า การทำงานทุ่มเทตลอดปีและความกระตือรือร้นที่มอบให้เป็นที่ประจักษ์ในสายตาขององค์กรเช่นกัน
เราจะเห็นจุดร่วมของสวัสดิการทั้ง 3 อันดับจากผลวิจัยนี้ว่า สิ่งที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับพนักงานในการพิจารณาที่จะทำงานในบริษัทหรือองค์กรใด คือการมีสิทธิ์ในการทำงานที่เหมาะสมและมีสิ่งสำคัญที่ช่วยให้พนักงานรู้สึกมั่นคงและมีความมั่นใจในชีวิตการทำงานของตนเองและครอบครัวอย่างเพียงพอและทันที
INSIDE SC
นอกเหนือจากสวัสดิการทั่วไปที่องค์กรต่างมีให้เป็นค่ามาตรฐาน กับตัวพนักงาน SC Asset ยังมีสวัสดิการพิเศษที่เข้าใจทุกคน อีกมากมาย เช่นสวัสดิการสมรสเท่าเทียมกที่มอบเงินจำนวน 10,000 บาท ให้กับพนักงานและคู่รักที่ตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหนก็ตาม หรือสวัสดิการกองทุนสำหรับลูกหลานพนักงาน ที่มอบทุนการศึกษาแก่บุตรพนักงานในระดับชั้น อนุบาล - ปริญญาตรี เพื่อเป็นการช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนด้านค่าใช้จ่ายให้กับพนักงาน
เงิน เงิน เงิน เงินเดือนคือคำตอบสุดท้าย?
ไม่ใช่แค่สวัสดิการเท่านั้นที่จะช่วยให้ชีวิตในการทำงานดีขึ้น เพราะเสียงจากคนทำงานต่างให้เหตุผลของการทำงานแทบจะเป็นเสียงเดียวกันว่า เงินเดือนคือปัจจัยหลักของการตัดสินใจมาทำงาน และกว่า 60.4 % มองว่าเงินเดือนมีผลต่อคุณภาพการทำงาน และปริมาณงานและเงินเดือนจะต้องสมเหตุสมผลด้วย แนวคิดการทำงานให้เท่ากับเงินเดือนที่ได้รับไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย และการที่องค์กรมอบหมายงานที่เกินหน้าที่และตำแหน่งของตัวเอง เป็นการถูกเอาเปรียบและไม่แฟร์กับฝั่งพนักงานเอง ในขณะที่ผู้ให้ความเห็นที่เหลือมองว่า ต่อให้ได้รับเงินเดือนแค่ไหนก็ตาม การทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาให้เต็มที่และดีที่สุดเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการทำงาน ทั้งยังมองเป็นโอกาสในการท้าทายตัวเอง เพื่อให้ได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองจากประสบการณ์ที่ได้เจอ
ความคิดเห็นทั้งสองฝั่งแตกต่างกันและสะท้อนถึงทัศนคติการทำงานที่ไม่มีผิดไม่มีถูก ไม่ว่าจะเป็นฝั่งที่เลือกทำงานให้เท่ากับเงินเดือนที่ได้รับ หรือฝั่งที่ทุ่มสุดตัวกับการทำงานและมองทุกอุปสรรคเป็นโอกาส เพียงแค่องค์กรต้องเข้าใจข้อเท็จจริงที่ว่า มนุษย์มีสิ่งที่เหนือกว่าเงินเป็นแรงจูงใจและมนุษย์ทุกคนมีขีดจำกัด เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องพักผ่อนใช้ชีวิตส่วนตัว การให้ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นในจุดที่อิ่มตัวแล้ว อาจไม่ทำให้ทำงานหนักมากขึ้นตาม จุดนี้ควรระมัดระวังและคิดให้รอบคอบเป็นพิเศษ