ชีวิตการทำงานที่ยืดหยุ่น vs ความท้าทายตื่นเต้นตลอดชีวิต
มิติสุดท้ายนี้เราจะพูดถึงเรื่องทักษะความรู้และความสนใจในสายงานที่คนทำงานต่างมองว่าเป็นเรื่องสำคัญและให้ความใส่ใจ สำหรับในปี 2023 ที่ผ่านมา แนวคิดหนึ่งในการทำงาน และสามารถนำปรับใช้กับการใช้ชีวิตได้ด้วยเช่นกัน นั่นคือแนวคิดที่เรียกว่า Lifelong Learning หรือลักษณะนิสัยที่ส่งเสริมให้คนรู้จักเรียนรู้ตลอดชีวิต ข้อมูลอ้างอิงจาก SEAC มองว่าการเรียนรู้เป็นเรื่องที่เซ็กซี่และทำให้ชีวิตสนุกขึ้น แต่ในอายุที่มากขึ้นการกลับมาโฟกัสการเรียนที่แม้จะไม่ใช่เรื่องในห้องเรียนก็ตาม ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ทริกที่น่าสนใจของการจุดประกายให้เกิดนิสัย Lifelong Learning ได้ นั่นคือการเข้าใจลักษณะนิสัยของตัวเอง รู้ว่าสภาพแวดล้อมแบบไหนที่จะทำให้เราจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ ไม่ว่าจะทั้งสถานที่หรือผู้คนที่คอยกระตุ้นแรงบันดาลใจให้ไปถึงเป้าหมายให้ได้ และที่สำคัญคือการลงมือทำในสิ่งที่ตั้งหวังอย่างตั้งใจ
และเราอยากทราบความเห็นของคนทำงานในประเทศไทยเช่นกันว่าพวกเขาจะเลือกอะไรระหว่างการมีชีวิตการทำงานที่ยืดหยุ่น ไม่ต้องกดดันให้ตัวเองเรียนรู้อะไรมากมายนัก กับการที่ได้ใช้ชีวิตอย่างคนที่เรียนรู้ตลอดชีวิต พบเจอสิ่งใหม่ ๆ เก็บเข้าคลังความรู้ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา 36.6 % ให้ความสำคัญกับการมีชีวิตทั้งสองแบบ ความยืดหยุ่นในการทำงานคือความสุขในชีวิต แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ยอมสละเวลาให้กับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ โดยมองว่านี่คือความท้าทายที่น่าสนุกในชีวิตและเป็นโอกาสในการสั่งสมประสบการณ์เพื่อพร้อมรับมือกับการปรับเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นในที่ทำงานได้ และแน่นอนว่าก็มีกลุ่มคนที่เลือกอยากจะใช้ชีวิตแบบใดแบบหนึ่ง ทั้ง 31 % ที่มองว่าการเรียนรู้ตลอดชีวิตจะทำให้การทำงานไม่น่าเบื่อ และสิ่งใหม่ ๆ ที่ได้เรียนรู้ สามารถนำมาพัฒนาความรู้ ทักษะ ความสามารถของตัวเองเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการทำงานมากขึ้น และอีก 29.2 % อยากได้ชีวิตการทำงานที่ยืดหยุ่น ให้อิสระมากกว่า พวกเขาคิดว่าการนำเวลาไปเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อาจจะไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่อยากจะใช้กับครอบครัวและคนรักมากกว่า
ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ชีวิตการทำงานแบบไหนก็ตาม เรายังคงยืนยันว่าไม่มีคำตอบที่ผิดหรือถูก ขอแค่เป็นการทำงานที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตและเราสามารถเลือกได้เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว และในมุมขององค์กรควรมองสิ่งนี้ให้เป็นความคาดหวังของพนักงานที่อยากให้องค์กรเข้าใจ ซึ่งถ้ามีการตอบสนองได้อย่างเหมาะสมและไปด้วยกันได้กับนโยบายการทำธุรกิจขององค์กร ก็จะเป็นแนวโน้มสำคัญในการพัฒนาองค์กรอย่างเห็นผล

รูปแบบการทำงาน (ที่อาจเกิด) ในปี 2024
การได้เรียนรู้หรือมีทักษะที่สอดคล้องกับรูปแบบการทำงานและอุตสาหกรรมที่กำลังมาในปีนี้ ถือเป็นแต้มต่อที่พนักงานควรเรียนรู้ไว้ และในมุมขององค์กรเอง หากอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทักษะเหล่านี้ก็เป็นอีกสิ่งที่ควรถูกจัดอยู่ในหมวดของการพัฒนาบุคลากรภายในด้วยเช่นกัน โดย Forbes ได้คาดการณ์รูปแบบการทำงานที่อาจเกิดขึ้นในปี 2024 มาให้ได้ทราบกัน ซึ่งเราสรุปมาให้ทุกคนได้อ่านกันแบบง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
Generative A.I.
คือการนำเอา A.I. เข้ามาช่วยหรือทดแทนพนักงานในการทำงานบางส่วนที่ไม่จำเป็นต้องจ้างมนุษย์ในการทำงาน แนวคิดนี้ค่อนข้างน่าสนใจและเป็นที่นิยมมากขึ้น และคาดว่าจะกระทบกับการว่าจ้างงานอย่างมากมายในอนาคตอันใกล้ที่จะถึงนี้ การที่จะอยู่ร่วมกับ A.I. ได้ คือการเข้าใจข้อจำกัดและเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ใช้งานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้องค์กรต่าง ๆ เห็นถึงศักยภาพในการทำงานของเรา
Sustainable Working Practices
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนพฤติกรรม การใช้ชีวิต ความคิด ให้เหมาะสมกับโลกอนาคต ต่อจากนี้ธรรมชาติและทรัพยากรจะเริ่มเป็นสิ่งที่ถูกโฟกัสมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นในแง่ของการทำงานเรื่องการลดกระบวนการสิ้นเปลือง และประหยัดทรัพยากรจะกลายมาเป็นแนวคิดนิยมมากยิ่งขึ้น
Future Skills
ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมกับทุกสิ่ง รวมไปจนถึงการทำงานและการทำธุรกิจ การเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะให้สามารถใช้งานเทคโนโลยีให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญที่พนักงานควรจะต้องพัฒนาตนเองให้ก้าวตามทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งทั้งหมดนี้ การทำความเข้าใจทักษะที่จำเป็นจึงเป็นเรื่องที่ถูกให้ความสำคัญมากขึ้น

Employee Experience
นอกจากความพึงพอใจของลูกค้าแล้ว ความพึงพอใจของพนักงานคืออีกอย่างหนึ่งที่หลายบริษัทให้ความสำคัญมากขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องค่าตอบแทนที่เพียงพอ แต่ความพึงพอใจรวมไปถึงเรื่องการจัดการบาลานซ์เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว ซึ่งสิ่งนี้นอกจากพนักงานจะโฟกัสมาสักพักแล้ว ในอนาคตบริษัทก็จะมีการคำนึงพาร์ทนี้มากขึ้นเช่นกัน
Changing Workplace Demographics
ปัจจุบันการย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ความหลากหลายของประชากรในแต่ละประเทศก็มีมากขึ้นเช่นกัน ด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพศ และอายุ ในบริษัทหลายบริษัทจึงเริ่มลดช่องว่างการทำงานระหว่างเพศกับอายุลง เพื่อที่ทำให้เกิดความเท่าเทียม และความหลากหลายในสังคมทำงาน
Digitization and Datafication of Work
ในปี 2024 Data หรือข้อมูล จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ หรือแก้ไขสิ่งเก่า ๆ ทุกอย่างจะยึดจาก Data ที่รวบรวมเอาไว้ วิเคราะห์ออกมาเป็น Solution ที่แม่นยำให้ได้มากที่สุด และในการที่จะได้ Data หลายบริษัทเริ่มพัฒนาเครื่องมือ หรือ Digital Tools เข้ามาช่วยเหลือ ทำให้ชีวิตการทำงานง่ายดายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
The Decentralized Workplace
ในช่วงที่สถานการณ์ Covid-19 ยังไม่ผ่อนเบาลง ตอนนั้นหลากหลายบริษัทเปิดกว้างต่อการทำงานระยะไกลมากยิ่งขึ้น ซึ่งมันก็สามารถพิสูจน์ได้ว่า การทำงานที่ไหนก็ได้ และการเข้าออฟฟิศในรูปแบบ Hybrid ส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานมากยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้จึงกลายมาเป็น Policy ในหลากหลายบริษัทในปัจจุบัน และคาดว่าในอนาคต 2024 การทำงานทางไกลก็จะกลายมาเป็นที่นิยมมากขึ้น
INSIDE SC
Lifelong Learning เป็นแนวคิดที่ SC Asset ตอบรับ ทำให้ทีมทรัพยากรบุคคลพัฒนานโยบายที่ให้พนักงาน
สามารถแสดงความคิดเห็นหรือนำเสนอคอร์สเรียน ทักษะหรือความรู้ที่จำเป็นในการทำงานยุคปัจจุบันได้ และเมื่อผ่านการเห็นชอบ คอร์สเหล่านี้จะสามารถลงเรียนได้โดยที่บริษัทซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายแบบ 100% ทั้งยังมีการจัดหาคอร์สที่พัฒนา Soft Skill, Hard Skill และ Future Skill เช่น Sunflower Mindset เทรนให้พนักงานได้เข้าใจแนวคิดในการให้บริการลูกค้าทุกภาคส่วน เพื่อให้เข้าใจการบริการ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของงานใน SC Asset หรือคลาส How to use A.I. to increase productivity ที่สอนการให้รู้จักใช้ A.I. ในชีวิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการในการทำงานให้ดีขึ้นนั่นเอง เป็นจำนวนกว่า 150 คลาสต่อปี